1. จิตวิทยา จุฬาฯ เป็นคณะไม่ใช่สาขาหรือภาควิชาเหมือนมหาวิทยาลัยอื่นๆ
2. การสอบเข้าจิตวิทยาสามารถยื่นคะแนนเข้าได้หลากหลายรูปแบบดังนั้นน้องๆ สายศิลป์ก็สามารถเข้ามาเรียนคณะนี้ได้แต่ตอนเรียนจะมีวิชาบังคับอย่างชีววิทยา สแตทด้วย แต่อย่ากังวลไปนะคะไม่ยากเกินความสามารถของน้องๆ แน่นอนสาเหตุที่มีวิชาเหล่านี้เนื่องจากคณะจิตวิทยาเป็นวิทยาศาสตรบัณฑิตและการทำงานวิจัยต่างๆ จำเป็นต้องใช้สแตทในการคำนวณด้วย(มีโปรแกรมสอนให้ใช้นะคะ ไม่ต้องคำนวณในกระดาษเอง)
3. ในระดับปริญญาตรีมีเปิดสอน 4 สาขาคือ ปรึกษา สังคม อุตสาหกรรมและองค์กรและพัฒนาการค่ะสามารถเลือกลงวิชาเรียนได้นะคะ ไม่ใช่เลือกสาขาแล้ว ต้องเรียนแค่วิชาของสาขาเท่านั้น
4. เรียนคณะจิตวิทยาแต่สามารถเรียนโทคณะอื่นๆ ได้ เช่น นิเทศศาสตร์ เศรษฐศาสตร์โดยสามารถเลือกเรียนโทได้ตอนเรียนชั้นปีที่ 2 โดยวิชาที่เราเลือกเรียนโท จะลดหน่วยกิตวิชาเลือกในคณะค่ะเป็นตัวเลือกที่ดีมากเลยนะคะสำหรับน้องๆ ที่อยากเรียนหลายคณะแต่ตัดสินใจไม่ได้ส่วนคณะที่เปิดให้เลือกโท มีจำกัดนะคะ ไม่ใช่ทุกคณะในมหาวิทยาลัย
5. คณะจิตวิทยามีภาคอินเตอร์Joint International Psychology Program (JIPP) 2 ปีแรกที่จะเรียนที่ไทยพอปี 3 จะไปเรียนที่ออสเตรเลีย 1 ปีที่ The University of Queensland เรียนจบได้ปริญญา 2 ใบด้วยนะคะ เป็นโอกาสที่ดีมากๆ สำหรับๆน้องที่อยากลองไปเรียนต่างประเทศและมีเพื่อนไปเรียนด้วยกันไม่เหงาแน่นอนค่ะ
6. นักจิตวิทยารักษาคนด้วยการพูดคุยบำบัด ปรับพฤติกรรมและทัศนคติ แต่จิตแพทย์ใช้ยาค่ะ
7. มีโอกาสได้อ่านjournal หรืองานวิจัยภาษาอังกฤษบ่อยมากๆ ส่วนมากชีทเรียนจะเป็นภาษาอังกฤษด้วยแต่ถ้าภาคไทย อาจารย์ก็ยังสอนเป็นภาษาไทยนะคะ
8. วิชาฮอตฮิตของคณะจิตวิทยาที่เลื่องลือคือ Human relations เป็นวิชาที่สอนพื้นฐานทางจิตวิทยาความสัมพันธ์และว่ากันว่าคนที่มาเรียนมักจะได้คู่กลับไป
9. เรียนจิตวิทยาอ่านใจคนไม่ได้เราแค่ศึกษาสาเหตุหรือปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมมนุษย์ทำให้เราสามารถเข้าใจมนุษย์ได้ดีมากขึ้น
10. เรียนจบมาแล้วมีงานทำแน่นอนค่ะถึงแม้ว่าจะไม่มีสายงานรองรับแน่นอน (ยกเว้นจิตวิทยาการปรึกษาและจิตวิทยาพัฒนาการ)แต่เรียนจบคณะนี้สามารถไปทำงานได้หลากหลายมากค่ะ เพราะทุกงานมันก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับคน