แค่เห็นชื่อก็มึนแล้ว แต่ถ้าจำทุกตัวได้ ออกตัวไหนมาก็ไม่หวั่น จำต่อตามภาพกันเลย
การวัดการกระจายข้อมูลในสถิติ 1
การวัดการกระจายของข้อมูลคือกระบวนการที่ใช้ในการวิเคราะห์ว่า ข้อมูลชุดหนึ่งกระจายตัวอย่างไรในลักษณะต่างๆ โดยการวัดนี้ช่วยให้เราทราบถึงความแตกต่างของข้อมูลแต่ละชุด และช่วยในการทำความเข้าใจลักษณะของข้อมูลได้ดีขึ้น ในการวัดการกระจายข้อมูลในสถิติ 1 มี 2 ส่วนหลักคือ สัมบูรณ์ และ สัมพัทธ์ โดยมีรายละเอียดดังนี้:
สัมบูรณ์ (Absolute Measure)
การวัดในลักษณะสัมบูรณ์คือการวัดที่ใช้หน่วยเดียวกับข้อมูล เพื่อให้เราเห็นภาพรวมของการกระจายตัวในเชิงปริมาณ มีดังนี้:
พิสัย: พิสัยคือการคำนวณค่าความแตกต่างระหว่างค่ามากที่สุดและค่าน้อยที่สุดในชุดข้อมูล ช่วยให้เราทราบถึงความแตกต่างสูงสุดในข้อมูล.
ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์: คือการคำนวณค่าความแตกต่างของข้อมูลระหว่างควอไทล์ที่ 1 (Q1) และควอไทล์ที่ 3 (Q3) ซึ่งช่วยให้เราเห็นความแตกต่างของข้อมูลในช่วงกลาง.
ส่วนเบี่ยงเบนเฉลี่ย: การคำนวณโดยการหาค่าผิดปกติหรือความแตกต่างเฉลี่ยจากค่าเฉลี่ยของข้อมูลทั้งหมด.
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน: การวัดการกระจายที่คำนวณจากการหาค่ารากที่สองของค่าเฉลี่ยของความเบี่ยงเบนทั้งหมด เพื่อให้เราเข้าใจว่าแต่ละค่าผิดปกติห่างจากค่าเฉลี่ยมากน้อยเพียงใด.
สัมพัทธ์ (Relative Measure)
การวัดในลักษณะสัมพัทธ์คือการวัดความสัมพันธ์ระหว่างการกระจายของข้อมูล โดยเปรียบเทียบกับค่าอื่นๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน มีดังนี้:
สัมประสิทธิ์ของพิสัย: ใช้การเปรียบเทียบพิสัยของข้อมูลกับค่าเฉลี่ย เพื่อให้เราเข้าใจถึงการกระจายข้อมูลในเชิงสัมพัทธ์.
สัมประสิทธิ์ของส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์: การคำนวณในรูปแบบของการเปรียบเทียบความแตกต่างของส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์กับค่าเฉลี่ย เพื่อดูว่าแต่ละช่วงของข้อมูลมีการกระจายตัวมากน้อยเพียงใด.
สัมประสิทธิ์ของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน: การคำนวณความสัมพันธ์ของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานต่อค่าเฉลี่ยของข้อมูล โดยบ่งบอกถึงความกว้างของการกระจายข้อมูล.
สัมประสิทธิ์ของความแปรผัน: เป็นการใช้การวัดการกระจายที่ใช้กับข้อมูลเชิงสัมพัทธ์ เพื่อดูถึงการกระจายของข้อมูลเมื่อเปรียบเทียบกับค่าที่มีความแปรผัน.
สรุป
การวัดการกระจายข้อมูลในสถิติ 1 เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเข้าใจลักษณะการกระจายของข้อมูล ทั้งในเชิงสัมบูรณ์และสัมพัทธ์ การใช้เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการเปรียบเทียบข้อมูลในแต่ละชุดและการตรวจสอบความเบี่ยงเบนเพื่อหาค่าที่สำคัญในการประเมินผล.